|
|
เปิดเวบเมื่อ |
02/05/2551 |
ปรับปรุงเวบเมื่อ |
29/08/2562 |
ผู้ชมทั้งหมด |
|
พระเครื่อง, พระเครื่องเอเซีย, ศูนย์พระเครื่อง, เว็บพระเครื่อง, ซื้อขายพระเครื่อง, พระเกจิอาจารย์, พระบูชา, พระพิฆเนศวร์, พระคเนศ, พระกริ่ง, พระกรุ, พระเนื้อผง, พระเนื้อดิน, พระเนื้อชิน, พระปิดตา, พระชัยวัฒน์, พระเชียงแสนสิงห์หนึ่ง, พระอุปคุต, พระยอดธง, พระเหรียญบูชา, พระสมเด็จ, หลวงปู่ทวด, องค์จตุคาม, หลวงพ่อเงิน, พระสังกัจจายน์, เจ้าแม่กวนอิม, เทพเจ้าจีน, ไฉ่ซิงเอี้ย, ท้าวเวสสุวรรณ, วัตถุมงคล, เครื่องรางของขลัง, ตะกรุด, ผ้ายันต์, คดงาช้าง, คดงาดำ, ของสะสม, ของที่ระลึก, เครื่องประดับ, จิวเวลรี่, สร้อย, กำไล, แหวน, จี้ประดับ, อัญมณีต่างๆ, ปิ่นเงินโบราณ, วัตถุโบราณ, เซรามิค, กาน้ำชา, โทรศัพท์โบราณ, ผ้าทอโบราณ, แสตมป์สะสม ฯลฯ
|
สินค้าทั้งหมด |
1147 |
|
|
|
|
 |
 |
 |
|
|
สินค้า/บริการ >> หลวงปู่ทวด >> หลวงปู่ทวด, หลวงพ่อดำ ปัตตานี ฝังตะกรุดสามกษัตริย์
| หลวงปู่ทวด, หลวงพ่อดำ ปัตตานี ฝังตะกรุดสามกษัตริย์ รหัสสินค้า: 001284 โทรสอบถาม ti รายละเอียด:
หลวงปู่ทวด, หลวงพ่อดำ ปัตตานี ฝังตะกรุดสามกษัตริย์
หลวงปู่ทวด (พ.ศ. ๒๑๒๕ - ) ท่านเกิดในรัชสมัยของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช โดยได้มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตของท่าน นับแต่เกิดก็มีฟ้าร้องฟ้าผ่า , แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น อันเป็นปรากฏการณ์ที่ฟ้าดินแสดงให้รู้ว่าหลวงปู่ทวดท่านเป็นผู้มีบุญญาธิการมาเกิด ต่อมาก็มีงูจงอางใหญ่มาพันที่รอบเปลของท่าน จนบิดามารดาของท่านต้องตั้งสัตยาธิษฐานขอให้งูนั้นอย่าทำอันตรายลูกน้อยของท่าน งูจงอางนั้นก็ได้คายเมือกแก้วที่มีแสงแวววาวไว้ให้ และต่อมาก็ได้กลายมาเป็นแก้ววิเศษคู่บุญบารมีของหลวงปู่ทวด
ต่อมาท่านก็ได้บรรพชาและได้เข้าศึกษาที่นครศรีธรรมราช และกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถตามลำดับ ,ในกาลนั้นพระเจ้าวัฏฏะคามินี แห่งลังกา ต้องการจะแผ่พระบรมเดชานุภาพมายึดกรุงศรีอยุธยาโดยสันติวิธี จึงออกอุบายให้หลอมทองคำเป็นอักษรบาลีขนาดเล็กเท่าใบมะขามจำนวน ๘๔,๐๐๐ตัว ตามพระอภิธรรมทั้ง ๗ คัมภีร์ แล้วแต่งพราหมณ์ปุโรหิต ๗ ท่านให้เดินทางมาท้าให้พระเจ้ากรุงสยามทรงแก้ปริศนานี้ภายใน ๗ วัน ก็ปรากฏว่าผ่านไป ๖ วันก็ยังไม่สามารถหาผู้มาแก้ปริศนานี้ได้ จนในคืนที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้ เข้าพระบรรทมทรงสุบินว่าได้มีพระยาช้างเผือกเชือกหนึ่งผายผันมาจากทางทิศตะวันตกเยื้องย่างเข้ามาในพระราชนิเวศน์แล้วก้าวเข้าไปยืนผงาดบนพระแท่นพลางเปล่งเสียงโกญจนาทกึกก้องไปทั่วทั้งสี่ทิศเสียงนั้นยังให้พระองค์ทรงสะดุ้งตื่นจากพระบรรทม จนรุ่งเช้าเมื่อพระองค์เสด็จออกว่าราชการได้ทรงรับสั่งถึงพระสุบินนิมิตประหลาดให้โหรหลวงฟังและได้รับการกราบถวายบังคมทูลว่าเรื่องนี้หมายถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์และพระบรมเดชานุภาพจะแผ่ไพศาลไปทั่วสารทิศเป็นที่เกรงขามแก่อริราชทั้งปวงจะมีพระภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งจากทางทิศตะวันตกมาช่วยขันอาสาแปลและเรียบเรียงตัวอักษรทองคำปริศนาได้สำเร็จจึงรับสั่งให้ข้าราชบริพารทั้งมวลออกตามหาพระภิกษุรูปนั้นทันที
ต่อมาสังฆการีจึงออกตามหาจนพบและนำท่านเข้ามาแก้ปริศนาอักษรทองคำจนสำเร็จ โดยพราหมณ์ทั้งเจ็ดยังได้ซ่อนอักษรทองคำไว้อีก ๗ ตัว คือตัว สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ ท่านจึงทวงถามเอาที่พราหมณ์ทั้งเจ็ดพราหมณ์ทั้งเจ็ดจึงยอมจำนน แล้วประเคนเมล็ดทองคำที่ตนซ่อนไว้นั้นให้ท่านแต่โดยดีปรากฏว่าท่านแปลพระอภิธรรมจากเมล็ดทองคำสำเร็จบริบูรณ์เป็นการชนะพราหมณ์ในเวลาเย็นของวันนั้น ยังความโสมนัสยินดีแก่สมเด็จพระเอกาทศรถเป็นที่ยิ่งทรงมีรับสั่งถวายราชสมบัติให้แก่เจ้าสามีรามให้ครอง ๗วันแต่ท่านก็มิได้รับโดยให้เหตุผลว่าท่านเป็นสมณะพระองค์ก็จนพระทัย แต่พระประสงค์อันแรงกล้าที่จะสนองคุณความดีความชอบอันใหญ่ยิ่งให้แก่ท่านในครั้งนี้จึงพระราชทานสมณศักดิ์ให้เจ้าสามีรามเป็น “พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์“
ต่อมาได้เกิดโรคห่าระบาดไปทั่วพระนคร หลวงปู่ทวดท่านก็ได้นำลูกแก้ววิเศษ ออกมาทำน้ำพระพุทธมนต์ช่วยเหลือประชาชนทั่วทั้งพระนครศรีอยุธยาไว้เป็นคำรบสอง ยังความปลื้มปิติให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่ง จึงทรงเลื่อนสมณศักดิ์ท่านเป็นสมเด็จพระสังฆราช มีนามว่า “พระสังฆราชคูรูปาจารย์ “
ในปัจฉิมวัยของหลวงปู่ทวด ท่านได้เดินทางกลับมาทางใต้ ได้มาบูรณะวัดพะโค๊ะ ที่นี่ท่านได้ถูกโจรจีนสำเภา จับขึ้นเรือไป ก็ได้เกิดปาฏิหาริย์เรือหยุดอยู่กลางทะเล จนน้ำจืดบนเรือหมด ท่านจึงได้ยื่นเท้าลงไปเหยียบน้ำทะเลให้เป็นน้ำจืด กลายมาเป็นสมญานามของท่านที่ว่า "หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด" หลังจากนั้นท่านก็ได้จาริกไปตามที่ต่าง ๆ ซึ่งต่อมาก็กลายมาเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา เช่น วัดกุฎิหลวง , วัดสีหยัง , วัดเสมาเมือง , วัดพะโคะ,วัดเกาะใหญ่ , วัดในไทรบุรี และวัดช้างให้ และท่านได้สั่งเสียลูกศิษย์ไว้ว่าหากท่านมรณภาพเมื่อใด ก็ให้ช่วยกันนำท่านไปฌาปนกิจที่วัดช้างไห้
หลวงปู่ทวด ท่านได้บำเพ็ญโพธิสัตว์ญาณ ในการเผยแพร่ธรรมมะและช่วยเหลือสงเคราะห์สรรพสัตว์อันไม่มีประมาณ จนในปัจจุบันก็ปรากฏคุณงามความดีที่บอกเล่าสืบต่อกันมาและมีพุทธศาสนิกชนนับถือท่านมากขึ้นเรื่อย ๆ เกียรติคุณชื่อเสียงของท่านเป็นที่ขจรขจายไปในทุกสารทิศ และนับได้ว่าพระเครื่องที่สร้างเป็นรูปหลวงปู่ทวดก็เป็นที่นิยมไม่มีตก ด้วยทุกคนต่างประจักษ์ในความเมตตาและความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน
คาถาสักการบูชาหลวงปู่ทวด
การสักการบูชาให้ตั้งสวด นโม ตสฺส ฯลฯ 3 จบ ตามด้วยคาถานี้ 3 จบเช่นกัน
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
มีความหมายว่า "ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่เจ้าประคุณสมเด็จหลวงปู่ทวดผู้เป็นพระโพธิสัตว์เป็นผู้มีโชคซึ่งเข้ามาสถิตอยู่ในตัวของข้าพเจ้านี้" คำว่า อาคนฺติมาย ควรจะเป็น อาคนฺตีมาย เนื่องจากเป็นคำสนธิระหว่าง อาคนฺติ กับอิมาย แต่คงเสียงสระสั้นไว้เพื่อความไพเราะของภาษา
อาจารย์ชะเอม แก้วคลาย(ป.ธ.๗) และอาจารย์สุวัฒน์ โกพลรัตน์(ป.ธ.๙) ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณของหอสมุดแห่งชาติได้วิเคราะห์ไว้ว่า คาถานี้ไม่ถูกหลักไวยากรณ์ภาษาบาลีแต่เป็นการผูกเงื่อนงำในทางความหมาย การผูกประโยคจึงต้องนำศัพท์เข้ามาเพิ่ม ประโยคที่สมบูรณ์จึงควรเป็นดังนี้
โยเถโรโพธิสตฺโตอิติภควาอิมายชนายอาคนฺติ
นโมตสฺสโพธิสตฺตสฺสอิติภควโตเถรสฺสอตฺถุ
[อันว่าพระเถระรูปใดเป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีโชคย่อมมาสู่ชน(หรือบุคคล) ผู้นี้
อันว่าความนอบน้อมขอจงมีแก่พระเถระผู้เป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้ชื่อว่าผู้มีโชครูปนั้น]
ท่านสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลวงปู่ทวดและข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับพระเครื่องต่างๆ ได้ที่หน้าบทความ
NO. 104
สนใจติดต่อสอบถามบูชาพระเครื่อง
โทร. 081-4726519 / 081-4726668
*พระเครื่อง ทั่วไทย พระเครื่อง ทั่วทิศ
|
|
|